หัวข้อ :
การศึกษาการจัดตั้งศาลจราจรและกฎหมายวิธีพิจารณาความในศาลจราจรเพื่อลดอุบัติเหตุทาง
ถนนที่สอดคล้องกับบริบทสังคมไทยและการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ
ที่ปรึกษา :
- ไม่มีข้อมูล -
บทคัดย่อ :
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเหตุผล ความจำเป็น รูปแบบ ลักษณะหรือโครงสร้าง
ในการจัดตั้งศาลจราจร ศึกษาเปรียบเทียบวิฮีพิจารณาคดีในประเทศไทยและต่งประเทศและเพื่อเสนอรูปแบบ
ศาลจราจรและพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีจราจรที่สอดคล้องกับบริบทสังคมไทย การดำเนินการวิจัยใช้วิธีการ
แบบผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพประกอบด้วยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
ประกอบด้วย เจ้าพนักงานจราจร หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ผู้พิพากษา
นักวิชาการด้านกฎหมาย นักวิชาการกรมการขนส่งทางบก นักวิชาการกรมทางหลวง และผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับ
การขับขี่รถและประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน จำนวน 5 ภาค และกรุงเทพมหานคร รวม 6 พื้นที่ ๆ ละ 12 คน รวม
จำนวน 72 คน และการสนทนากลุ่ม รวม 72 คน ทั้งสำรวจความคิดเห็นจากเจ้าพนักงานจราจรและประชาชน
จำนวน 2,400 กลุ่มตัวอย่าง
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า
ด้วยระบบโครงสร้างทางสังคมที่หล่อหลอมคนไทยที่ส่งผลต่อทัศนคติของประชาชนต่อการปฏิบัติตาม
กฎจราจรและความเชื่อมั่นในการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน ตลอดจนกฎหมายกำหนดขั้นตอนการดำเนินการ
ในชั้นเจ้าพนักงานที่สร้างภาระด้านด้านกำลังพลและงบประมาณ ตลอดจนความร่วมมือของหน่วยงาน
ตามกระบวน เป็นเหตุที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายจราจรไม่มีประสิทธิภาพ จากการศึกษาพบว่าแนวทางแก้ไข
ปัญหายังไม่มีความจำเป็นต้องมีศาลจราจรแยกเป็นการเฉพาะ แต่ควรกำนดวิธีพิจารณาคดีจราจรขึ้นเป็น
การเฉพาะ
2. รูปแบบวิธีพิจารณาคดีจราจรในบริบทสังคมไทย พบว่าต่างประเทศการพิจารณาคดีจราจรในนำเอา
หลักการลงโทษตามความรุนแรง มาการกำหนดค่าปรับในอัตราที่สูง จึงมีความจำเป็นที่จะให้ผู้ที่โต้แย้งได้สามารถ
นำเอาคดีเข้าสู่การพิจารณาและคำนึงถึงความสมเหตุผลที่ศาลจะสั่งกำหนดโทษ และรูปแบบการพิจารณาคดี
จราจรมีความแตกต่างกันออกไปตามพื้นที่ ดังนั้นลักษณะหรือโครงสร้างการจัดตั้งศาลจราจร โดยศาลจะมีที่ทำการ
ที่บริเวณเทศบาล ส่วนของประเทศไทยพบว่าปัญหาาการบังคับคดีเกิดในชั้นเจ้าพนักงานที่ต้องมีการติดตาม
ตัวผู้กระทำผิดที่ไม่ชำระค่าปรับมาเพื่อดำเนินคดี จึงทำให้ภาระการดำเนินการอยู่ในชั้นเจ้าพนักงานในการรวบรวม
พยานหลักฐานและการติดตามผู้กระทำผิดมาเพื่อให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาล ดังนั้นการพิจารณาคดีจราจร
ยการกำหนดคดีจราจร ควรกำหนดให้เจ้าพนักงานจราจรทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานเสนอพนักงานอัยการและ
ออกใบนัดให้ผู้กระทำความผิดคดีจราจรไปศาลเพื่อให้ศาลทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดี โดยนำโทษเสริมในการ
ทำงานบริการสังคมเฉพาะการแก้ไขปัญหาจราจร เพื่อให้ผู้กระทำผิดรับรู้ผลของการฝ่าฝืนกฎหมายจราจร
abstract :
This study aims to examine the rationale, necessity, format, characteristics, and structure
for establishing a traffic court. It compares the methods of adjudicating cases in Thailand with
those in other countries and proposes a model for a traffic court and a traffic court adjudication
procedure consistent with the Thai social context. The research employs a mixed-method
approach, including structured interviews with key informants comprising traffic police officers,
heads of traffic police units, investigators, prosecutors, judges, legal experts, land transport
department officials, and road users. Each sector involves 12 individuals, totaling 72 individuals
for interviews. Additionally, group discussions involve 72 individuals, and surveys gather opinions
from traffic police officers and the public, with a sample size of 2,400 groups.
The analysis of the data revealed the following:
1. Due to the social structure influencing Thai people's attitudes towards obeying traffic
(laws and their confidence in the discretion of law enforcement officers, as well as the legal
procedures burdening the traffic police units with logistical and budgetary constraints, the
enforcement of traffic laws is ineffective. While it is not necessary to establish a separate traffic
court, specific procedures for adjudicating traffic cases should be outlined.
2. Regarding the adjudication process of traffic cases in the Thai social context, it was
found that, unlike other countries where penalties are determined based on severity, Thailand
tends to impose high fines. Therefore, it is necessary to allow disputants to bring their cases for
consideration and to consider the reasoning behind the court's decisions. Additionally, the
adjudication processes vary according to the region, necessitating different structures for traffic
court establishments. In Thailand, enforcement problems arise from the need for police officers
to pursue offenders who do not pay fines, resulting in a burden on police units in gathering
evidence and tracking offenders for prosecution. Hence, in determining traffic cases, traffic officers
should be tasked with gathering evidence, presenting it to prosecutors, and issuing summonses
for offenders to appear in court for adjudication. The court should impose supplementary
penalties to address traffic problems, aiming to make offenders aware of the consequences of
violating traffic laws.
สังกัดหน่วยงาน :
กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
Create TimeStamp :
2024-06-05 16:48:25
Update TimeStamp :
2024-06-05 16:48:25
